เรื่องหนักอกระดับชาติมากๆ เพราะไม่ว่าค่าหอจะแพง รูมเมทจะสกปรกแค่ไหน เฟรชชี่ทั้งหลายก็ยังทนได้ แต่หากหอนั้นมี “ผอ-สระ-อี ผี” ยังไงก็ไม่ขอทนแน่นอน ขอเผ่นก่อนเลย ว่าแล้วช่วงนี้พอเหมาะพอดีกำลังเข้าสู่เทศกาลที่น้องๆ เฟรชชี่
มหาวิทยาลัยต่างๆ เริ่มมองหาหอพักกันแล้ว พี่ลาเต้ ก็เลยมีข้อมูลดีๆ กับ “4 จุดสังเกตเลือกหอพักมหา’ลัยให้ไร้ผี” มาฝากกัน
เลขห้องต้องต่อเนื่อง
เขาเล่ากันว่าหอไหน เลขที่ห้องไม่ต่อเนื่อง หรือเรียงกัน เช่น ห้อง 201 – 202 – 203 – 14204 – 205 ให้น้องๆ จับตาห้อง 14204 ไว้ให้ดี เพราะอาจเป็นห้องที่เจ้าของคนเก่าเสียชีวิตขณะที่เช่าอยู่ ทางความเชื่อของหอต่างๆ จึงมักจะเปลี่ยนเลขห้องให้ต่างไปจากเดิม เพราะเชื่อว่าวิญญาณเจ้าของคนเก่าจะได้ไม่กลับมารบกวนเจ้าของห้องปัจจุบัน
สืบประวัติจากข่าว
อันนี้ พี่ลาเต้ มีประสบการณ์จริงมาประกอบครับ “เพื่อนพี่คนนึง เป็นเด็กชุมพรแต่มาเรียนที่กรุงเทพฯ ก็ตระเวนหาหอนานอยู่ร่วมเดือน จนกระทั่งมีรุ่นพี่มาแนะนำหอแห่งนึงซึ่งไม่ไกลมากนัก และราคาถูกด้วย เพื่อนพี่ก็ตัดสินใจเลยว่าจะอยู่หอนี้แน่ๆ (เพราะขี้เกียจหาแล้ว) จึงเอาชื่อหอไปค้นหาใน “Google” เพื่อดูว่าเส้นทางจากหอมามหาวิทยาลัย ต้องเดินทางยังไง ปรากฏว่าสิ่งที่เจอคือ “หอแห่งนี้เคยลงข่าว นสพ.จากเหตุมีสามีภรรยาทะเลาะวิวาท และฆาตกรรมกัน” O_O ทำเอาเพื่อนพี่หักหลบแทบไม่ทัน หึหึ
ห้องทาง 3 แพร่ง
บางทีการสร้างหอพักนักศึกษา เจ้าของก็หวังแต่ผลกำไร ตรงไหนว่างพอจะได้สร้างห้องได้ ก็จัดการสร้างเพื่อโกยเงินเข้าทันที แต่หารู้ไม่ว่า “ตำแหน่ง” ห้องนี้มันเหมาะสมแล้วหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ห้องที่อยู่ตำแหน่งทาง 3 แพร่งคนโบราณจะมีความเชื่อว่าเป็นทางผ่านของวิญญาณเร่ร่อน ดังนั้นหลีกเลี่ยงห้องพวกนี้จะดีกว่า และหากสังเกตดีๆ ห้องพวกนี้จะราคาถูกเว่อร์จนน่าแปลกใจ
“หอใน” ต้องทำใจ
หากน้องๆ คนไหนที่มหาวิทยาลัยบังคับให้อยู่ “หอใน” ก็ต้องทำใจยอมรับไว้เลยว่า “มีผีแน่นอน” แต่อย่าลืมว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในมหาวิทยาลัยท่านก็จะคุ้มครองพวกเราเช่นกัน เพราะน้องๆ อย่าลืมว่า ส่วนใหญ่ที่ตั้งของมหาวิทยาลัยก็มักจะเป็นสถานที่ราชการผ่านการใช้งานมานานหลากหลายเหตุการณ์ แต่ถึงแม้ประวัติจะชวนขนหัวลุกขนาดไหน พี่ว่าก็ยังดูปลอดภัยกว่าหอนอกนะ ฮ่าฮา